วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

13.アナと雪の女王 X 接読表現

สวัสดีค่ะ บล็อกแรงของเดือนเมษาเลย
บล็อกนี้จะนอกลู่นอกทางตรงที่ไม่ได้เน้นคันจิสักหน่อยนะคะ 

จริงๆก็รู้สึกว่าหยุดยาวๆแบบนี้ก็ควรจะอ่านหนังสือเตรียมสอบได้แล้ว แต่ก็ยังทำใจเริ่มอ่านไม่ได้สะที รายงานก็ยังไม่อยากทำด้วย แง ก็เลยหาอะไรอ่านเล่นนั้นก็คือ เล่มนี้


Frozen หรือ アナと雪の女王คือซื้อมาตั้งแต่ไปญี่ปุ่นปีที่แล้ว ดองไว้นานมากไม่ได้อ่านสะที ช่วงนี้เลยเอามาอ่านสะหน่อยค่ะ



ในคาบJap conก็มีกิจกรรมเล่าเรื่อง โดยให้ใช้接読ที่เรียนไปค่ะ แต่พอเล่าจริงๆก็จะมักใช้รูปてไปเรื่อยๆตามนิสัยเดิม(เปิดกลับไปดูบล็อกที่8、9ได้ค่ะตอนที่เล่าเรื่อง外国人) จริงๆคือคิดคำ接読ไม่ทันด้วย กลัวใช้ผิดด้วยค่ะ

คราวนี้เลยจะมาลองใช้接読ในการเล่าFrozenแบบย่อๆในแต่ละฉากกันค่ะ จะเลือกเฉพาะฉากที่นึกใช้คำออกละกันนะคะ เล่าทั้งเรื่องบล็อกเดียวไม่น่าจบ(รึเปล่านะ5555)


エルザは雪や氷あやつる不思議な魔法をもち、いつもアナと遊んでいた。しかしアナがけがをしてから、二人は一緒に遊ぶことを禁じられてしもう。



戴冠式で、エルザは怒りを爆発させる。すると、王国が雪と氷に覆われ、凍り付いてしまった。



そこでエルザは城を逃げ出した。

ขอข้ามมาฉาก Climax เลยนะคะ
เป็นฉากที่Annaโดนพลังที่Elsaสาปไว้กำเริบ
แล้วKristoffต้องพากลับไปหาเจ้าชายHansเพราะรักแท้เท่านั้นที่จะรักษาคำสาปนี้ได้

アナの凍った心臓を溶かすことができるのは実の愛だけ。それを聞いたクリストフは、急いでアナをハンス王子のもとに連れて行く。ところが、ハンスがエルサに剣を向けている!




ก็ลองใช้接読詞ประมาณนี้ ปกติเวลาพูดก็จะใช้เซ้น(ที่ไม่รู้ถูกรึเปล่า)เล่าๆไปเลย คือขนาดเขียนแค่นิดเดียวแต่คืออ่านชีทJap conนานมาก5555พอมีเวลาคิดก่อนเล่าก็จะลังเลด้วย ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองใช้ได้ถูกต้องรึเปล่าคงต้องรบกวนอาจารย์ช่วยดูด้วยนะคะ 


เอาจริงคือพอเรียนวิธีการใช้接読詞จากในคาบแล้ว จะรู้สึกงงกว่าเดิม แถมเริ่มหมดความมั่นใจในการใช้ แต่พอได้ลองคุยกับอาจารย์นัทซึกิดู อาจารย์ก็บอกว่าดีแล้วที่รู้สึกแบบนั้น เพราะแสดงว่าคำที่เราใช้อยู่แล้วพอมาเรียนแล้วไม่มั่นใจแสดงว่าเราใช้ผิดอยู่ การมาเรียนแบ่งการใช้แบบละเอียดแบบนี้ก็ถือเป็นการinputเข้าไปแล้วจะทำให้เราout putได้ถูกต้อง

แต่การที่จะout putได้ถูกต้องจะมาเรียนกันแค่ครั้งสองครั้งแล้วทำได้เลยก็คงยาก ก็ต้องฝึกไปเรื่อยๆค่ะ คือรอบนี้ที่เขียนแบบนี้เพราะเชื่อว่าน่าจะมีหลายคนคิดว่า接読詞พวกนี้สอนกันมาตั้งแต่สมัย初級แล้วทำไมมาสอนแบบนี้อีก อาจารย์ก็บอกว่าเพราะมันค่อนข้างละเอียด และ‘ยาก’ไปสำหรับ初級ค่ะ ซึ่งก็จริง เนอะ...เอาเป็นว่าก็ต้องฝึกกันต่อไปแหละค่ะ ขนาดภาษาไทยยังใช้ผิดอยู่เลย 
頑張ります!










วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

12.失望 X 切望

รู้สึกเพิ่งสอบเสร็จไปไม่นาน แต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนสอบเสร็จเท่าไหร่เลยเพราะช่วงนี้งานเยอะมาก งานนอก งานในคณะมาพร้อมกันหมดเลย แถมอีกแปปๆก็จะสอบไฟนอลอีกแล้ว โอ้วววววว
ช่วงนี้ก็เลยรู้สึกเฟลๆ อยากไปเที่ยวมากกกก
ในหัวเลยนึกออกแต่ศัพท์ที่ค่อนข้าง暗いกันเลยทีเดียว นั้นก็คือคำว่า ‘สิ้นหวัง’ 







ซึ่งตอนเรียน Jap conตอนเทอมที่แล้วจำว่าตัวเองเคยใช้ผิดระหว่างคำว่า
失望しつぼうกับ絶望ぜつぼう

อีกตรงนึงที่ต้องระวังของคำว่า絶望ぜつぼう(N) เพราะว่ามีอีกคำที่ออกเสียงคล้ายกันแต่ความหมายกลับตรงกันข้ามเลยสิ้นเชิงนั้นก็คือ切望せつぼう(N)ความปรารถนาที่แรงกล้า







ทั้งสองคำนี้ถ้าเปิดดิกก็จะแปลว่าสิ้นหวังทั้งคู่แหละค่ะ แต่สำหรับภาษาญี่ปุ่นแล้วจะต่างกัน
มาดูความแตกต่างระหว่างสองคำนี้กันค่ะ

失望しつぼう
คือผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวังไว้
เช่น 彼女は可愛いけど付き合ってみたら最悪な性格だった。

絶望ぜつぼう
คือ หมดหวัง สิ้นหวัง ผิดหวัง แบบยังไม่ทันได้คาดหวังอะไร
เช่น 彼女は可愛くもなく付き合った経験もないし最悪な性格だ



ตอนที่ใช้ผิดคือ
 試験の結果を見て、自分はなぜこんなにバカだろう。 絶望ですね。
อาจารย์นัทซึกิเลยแก้ให้ว่าต้องใช้失望ก็เลยจำได้มาถึงตอนนี้เลยค่ะ




วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

11.New me!

ต่อเนื่องจากบล็อกมหากาพย์ 
บล็อกที่9I can change X I see! กับ 
บล็อกที่8 I can change X by myself

อันนี้ก็จะเป็นการเล่าเรื่องครั้งสุดท้ายหลังจากที่ลองมาสองครั้ง รู้สึกว่าครั้งนี้อาจจะมีมั่วๆกว่าครั้งที่สองเพราะว่าต้องพูดสดเลย จากการฝึกพูดเพียงแค่สองครั้งก็อาจจะยังทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ จากที่เรียนไปวันนี้เรื่อง 習得-学習仮説 ก็จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าจะรู้วิธีการเล่าหรือหลักการที่ถูกต้องแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆเราก็ไม่สามารถเล่าแบบธรรมชาติตามnativeได้ 


はい、あのホテルのロビーでですね。(はい)長いソファーで二人の男性が座っているんですよ。(はい)
一人はおじいさんで新聞を読んでいます。で、もう一人は暇そうな、何も、特に何もしてないです。で、暇そうの方は、外国人がいって、なんか、なんとなく目があってしまって(はい、はい)で、その外国人が暇そうな男の方に来ているんですよ。(はい)たぶん、その男は英語ができないから、やばいなと思っちゃって、隣の新聞を読んでいるおじいさんの新聞の後ろに自分の体を隠した(ははは)急に入ってきちゃって、見えないようにするんですよね。(はい)で、二人とも知り合いじゃないですから、おじいさんの方がびっくりして、外国人の方も怒っているみたいな感じですね。(外国人が怒ったんですか)そうですね。何で私に逃げたんだろうと思っちゃうですよね。(へー)

เล่าเรื่องรอบนี้จะมีなんかกับでมากกว่ารอบก่อนเพราะจะพยายามใช้คำให้เหมือนรอบที่สองที่ได้แก้ศัพท์และแกรมม่าไว้อย่างถูกต้อง ถ้าเทียบกับรอบแรกที่เล่าไปเรื่อยๆน้อยศัพท์อันน้อยนิดไม่รู้สึกอะไรก็จะเล่าได้โดยไม่ใช้なんか แต่พอรอบสองได้รู้ศัพท์ที่ใช้ในการเล่ามากขึ้น ในรอบนี้ก็จะมีติดขัดบ้าง แต่ก็มีีการแทรกความคิดของตัวละครไปด้วยก็คิดว่าน่าจะทำให้เนื้อเรื่องดูสนุกขึ้นทำให้คนฟังมีあいづちมากขึ้นกว่าครั้งอื่น อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้มีช่วงดิเลให้เพื่อนได้แทรกค่ะ 555


วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

10.スキンケア選ぼう!

ถ้าย้อนกลับไปดูที่เอนทรี่ที่1ก็จะเห็นได้ว่าอัพเรื่องคำศัพท์เกี่ยวกับการเลือกskin careไว้ คราวนี้เลยถึงเวลาได้ใช้คำที่หามาของจริงแล้ว เย่!เพราะว่าได้เวลาเสียเงินเนื่องจากครีมหมดพอดีนะคะ แล้วที่ใช้อยู่ของเดิมก็เบื่อแล้ว อยากลองอะไรใหม่ๆดู เลยไปเปิดหารีวิวดูก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่ไปเปิดPantipนะคะ กลับไปหา Cosmeเจ้าเก่ากันดีกว่า อยากรู้คนญี่ปุ่นเค้าใช้อะไรกันอยู่ 

พอเข้าไปในเว็บแล้วไม่รู้จะเริ่มยังไงก็มาตรงนี้เลยค่ะ


ใส่ช่วงอายุ แล้วก็สภาพผิวลงไปทางเว็บก็จะช่วยหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของเราขึ้นมาให้ค่ะ ในคราวนี้ก็ใส่คำว่า乾燥肌ที่แปลว่าผิวแห้งกับประเภทที่เลือกคือ美容液ค่ะ


ทางเว็บก็จะเลือกเป็นแบบนี้มาให้(แต่ตัวที่ยกมานี่ราคาแรงอยู่สู้ไม่ไหวก็เลื่อนลงมาเรื่อยๆ)
บวกกับอ่านพวกรีวิวและคอมเม้นก็เจออันที่ถูกใจแล้วค่ะ

ด้วยราคาที่ไม่แพงบวกกับคะแนนในเว็บที่มีถึง5.0นี่โอเคเลย เป็นยี่ห้อShiseidoที่มีเค้าเตอร์ในไทยนี่สบายเลย มาดูรีวิวที่ทำให้เราอยากซื้อกันดีกว่า


คอมเม้นส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ามีเนื้อที่บางเบาพอๆกับ化粧水(น่าสนมากเพราะตอนนี้อากาศร้อนมาก)กับมีกลิ่นที่หอม แล้วก็ซึมเร็ว ซึ่งโดยรวมก็ตอบโจทย์เรามาก ก็เลยไปจัดมาเลย1ขวด


ไหนๆคลังศัพท์ก็มีแล้ว ของก็มีแล้วลองใช้แล้วลองเขียนรีวิวเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยเลยละกัน5555
หลักๆเลยคือสรุปได้ประมาณนี้ ครีมซึมเร็ว กลิ่นหอมแบบผู้ดี? ใช้แล้วไม่เหนอะ ชุ่มชื้น มันเป็นwhite lucentก็จะทำให้ผิวขาวนะคะ

乳液で、肌によく浸透します。保湿性が高く、もちもち感が持続して、乾燥が気にならなくなりました。それに、上品な香りがして、リラックスがでくます。私の肌に合っているようです。美白になれそうでした!

ในนี้ก็จะมีศัพท์ใหม่โผล่มาบ้าง คือไปเจอมาจากพวกรีวิวอื่น

浸透しんとうการซึมซาบ
保湿ほしつ Moisturizer

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้นมามากมายแต่พอได้ใช้สิ่งที่หาจากเอนทรี่แรกมาใช้ในเรื่องที่ตัวเองสนใจและเป็นประโยชน์คือจุดประสงค์ของเอนทรี่นี้ค่ะ วันหลังกะว่าจะลองสมัครเว็บนี้แล้วเข้าไปเขียนรีวิวพวกเครื่องสำอางค์ที่ใช้ดูน่าจะสนุกดี ที่สำคัญได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นด้วย เย่ๆ

เอนทรี่หน้าจะมีเรื่องอะไรรออยู่ต้องรอติดตามกันนะคะ





วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

9.I can change X I see!

ภาคต่อจากเอนทรี่ที่แล้วนะคะ
หลังจากเห็นความกากของตัวเอง และได้อ่านการเล่าของคนญี่ปุ่นก็เลยเปลี่ยนเป็นแบบนี้ค่ะ


ホテルのロビーに、特に何をするでもない男がいる。彼の隣では新聞を読んでおじさんも座っている。彼は地図を広げている観光らし外国人の男と目が合ってしまって「あっやばい、こっちに来ているじゃん」と思っていた。隣のおじさんの広げた新聞紙と胸の間に入り込んで顔を隠した。「絶対見えない!」だと彼は思った。外国人のおじさんは「なにこの人!!」と思って怒った。
ในรอบที่สองนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ 
1.มีการใส่รายละเอียดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนามวลี
ขยายนาม หรือ ADJ 
2.มีการใส่ความคิดของคนที่พูดถึงลงไปด้วย ทำให้การเล่าเรื่องดูมีสีสันขึ้นไม่น่าเบื่อ
3.คนญี่ปุ่นเวลาเล่าเรื่องจะใช้มุมมองจากตัวละครเดียว ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากภาษาไทย ก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจว่า อาจจะทำให้คนฟังเข้าใจเนื้อเรื่องและเห็นภาพได้ง่าย
4.มีการใช้พวกてしもうทำให้คนฟังเข้าใจสถานการ์ได้ง่ายขึ้น
5.รู้สึกว่าเล่าเรื่องได้กระชับขึ้น และเข้าใจง่าย


8.I can change X by myself

สวัสดีค่ะ บล็อกนี้จะเป็นบล็อกที่ได้รับมอบหมายมาพิเศษว่าต้องอัพนะคะ5555

จะต่อเนื่องจากกิจกรรมที่ได้ทำในห้องนะคะ
นั้นก็คือการเล่าเรื่องนั้นเอง ปกติเวลาเม้ามอยคนนู้นคนนี้คือเล่าได้แบบเก็บลายละเอียดทุกตารางนิ้วมาก เล่าอย่างเมามันส์ แต่พอมาเจอเล่าเป็นภาษาญี่ปุ่นทีนี่ก็ถึงกับเล่าได้นิดเดียวแล้วเงียบกริบกันเลยทีเดียว แถมあいづちจากคนฟังก็ไม่ค่อยมีอีก เงียบหนักเลย ฮือ ...

เรื่องที่ได้ทำคือ外国人ค่ะ

มาดูกันดีกว่าว่ารอบแรกจะพังขนาดไหน
ホテルのロビーでソファーで日本人二人が座っています。一人の日本人は新聞を読んでいます。もう一人は何もしないでただで座っています。(そう。。)それで、ロビーでおじいさんの外国人が地図を見ている間に、その外国人はいる日本人と目とあいました。で、そのおじいさん外国人はたぶん道のことを聞きたいからその座っている日本人に、でもたぶんその日本人が英語が出来ないから、あのう、もう一人の新聞を読んでいる人と一緒に新聞の後ろに自分の体を隠すみたいな感じで、でそのおじいさんの外国人は、なんか、怒っているそうです。

คืออย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยคือ
ศัพท์ง่อยมาก แบบมากกกก 
เช่น ใช้ 目とあいました และอีกอย่างคือคำเชื่อมนี่ก็ง้อยตามกันมาติดๆเลย คือเท่าที่ดูคือแทบจะไม่มีเลยนี่นา! ส่วนใหญ่คือเนียนๆรูปไปเรื่อยๆ เป็นการที่เล่าเรื่องได้น่าเบื่อมาก ก็ไม่แปลกที่เพื่อนจะไม่あいづちเท่าไหร่ ที่ไม่มีあいづちน่าจะเป็นเพราะว่าเล่าไปเรื่อยๆไม่ค่อยเปิดโอกาสให้แทรกเท่าไหร่ด้วยค่ะ

พอยิ่งได้อ่านของคนญี่ปุ่นแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล่าไม่รู้เรื่องเลย555555
เลยได้เอาวิธีเล่าของคนญี่ปุ่นมาปรับปรุงการเล่าของตัวเองรอบที่สองค่ะ ที่สำคัญเลยคือ ต้องมีสติในการเล่า!

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

7.状 X 態 X 体

สวัสดีค่ะ ห่างหายจากบล็อกไปนานเพราะมรสุมมิดเทอม เกือบตาย
วันนี้ก็เพิ่งสอบเสร็จค่ะ เอาเป็นว่าสอบเสร็จก็คือสอบเสร็จ ลืมๆมันไปดีกว่าค่ะ (T∇T)アハハ・・・(|||_ _)ハハ・・・ 

วันนี้จะมานำเสนอคันจิสามตัวนี้ค่ะ

「状」、「態」、「体」
の漢字はそれぞれどう違うの?
คันจิหน้าตาบ้านๆเห็นกันมาตั้งแต่สมัยมินนะโนะนิฮงโกะ!

เห็นกันบ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ว่าต่างกันยังไง ถ้าดูคันจิเดี่ยวๆแล้วคันจิทั้งสามตัวจะมีความหมายที่ใกล้กันมากค่ะ เพราะฉะนั้น เราจะไม่มานั่งจำความหมายของคันจิแต่ละตัวกัน แต่มาจำกันเป็นคำศัพท์เลยดีกว่าค่ะ 
(มันต้องเวริคกว่าแน่ๆ)



「状」じょう
 เป็นความหมายที่เอาไว้ใช้บอก อธิบายถึง สถาพ ลักษณะ หรือ สถานการณ์ของสิ่งต่างๆ เช่นคำว่า 
状況 じょうきょう สถานการณ์
เช่น 危険な状況が起こった。
状勢 じょうせい  สถานการณ์(ที่เปลี่ยนแปลง)
เช่น 政治状勢が変わった。

     ใช้กับความหมายที่เกี่ยวกับจดหมาย หรือสิ่งที่เขียน
เช่น 状態状 しょうたいじょう จดหมายเชิญ
  案内状 あんないじょう  บัตรเชิญ
  賞状  しょうじょう ใบประกาศ  เกียรติคุณ
เป็นต้น


「態」タイ/(わざ)

เป็นคำที่ใช้อธิบายสภาพจิตใจ อารมณ์ สิ่งที่มองเห็น รูปลักษณะภายนอก
เช่น 状態 じょうたい สถานการณ์ สภาพ(ของสิ่งสิ่งหนึ่ง)
เช่น その古家はひどい状態であった。
  態度 たいど ท่าทางที่แสดงออก
เช่น あの人の態度が悪いね。

คือจะเห็นได้ว่าความหมายจะใกล้กับมาก แต่พอเป็นคำแล้วความหมายจะต่างกันออกไปเลย ก็จำเป็นคำไปเลยน่าจะดีกว่าค่ะ เพราะกว่าจะมานั่งแยกอาจจะเสียเวลามาก ดีไม่ดีอาจจะใช้ผิดด้วย



「体」タイ、テイ/からだ、かたち

สำหรับคำนี้ก็แน่นอนว่าความหมายแรกคือ

1    ร่างกาย 
เช่น 身体 しんたい ร่างกาย
       体操 たいそう กายบริหาร


2   ความหมายที่สองคือรูปร่าง
เช่น 体積 たいせき ปริมาตร
       個体 こたい  เฉพาะบุคคล
     字体 じたい  รูปแบบตัวอักษร


ถึงแม้ว่าจะจำเป็นคำไปเลยจะง่ายกว่า แต่หลังจากที่รู้ความหมายคันจิก็จะพอเดาวิธีใช้ได้มากขึ้น ปกติที่จะจะชอบงงคำว่า 状態 กับ 状況 เพราะความหมายเป็นไทยแล้วจะเหมือนกันมาก แต่พอลองแบ่งคัดจิเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าแบ่งวิธีใช้ได้เข้าใจมากขึ้น ว่า状態 จะใช้อธิบายสภาพสิ่งที่เห็นแต่状況 จะอธิบายภาพรวมถึงสิ่ง หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้น

ก็จะกลับมาอัพบล็อกทุกอาทิตย์เหมือนเดิมแล้ว รอติดตามกันด้วยนะคะ